Friday, 19 December 2014

ชวนชิม in Japan: ราเมง (Ramen)

1) ร้าน Ippudo Ramen


                                     
 
 
ร้าน Ippudo Ramen เป็นราเมงสไตล์ฮากาตะ รสชาติน้ำซุปกระดูกหมูจะเข้มข้นและเส้นราเมงมีขนาดเรียวเล็กกว่าเส้นราเมงทั่วไป ที่ร้าน Ippudo จะมีราเมงให้เลือกอยู่ 3 แบบ Shiromaru Classic (ราเมงรสชาติดั้งเดิม) Akamaru Modern (ราเมงเพิ่มรสด้วยมิโซะและน้ำมันกระเทียม) และ Karaka (ราเมงซุปกระดูกหมูรสเผ็ด)
 
ราเมงที่แนะนำให้สั่งเป็น Akamaru Special น้ำซุปกระดูกหมูผสมผสานได้อย่างลงตัวกับมิโซะ บวกกับกลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำมันกระเทียม เครื่องเคียงแบบจัดเต็มครบสูตร ทั้งหมูชาชูติดมันนุ่มละลายในปาก เห็ดซอย 3 ชนิด และไข่ต้มยางมะตูม ฟินมากๆ ณจุดนี้

              
Credit ภาพ: bento.com




ร้าน Ippudo Ramen มีสาขาอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น สาขาที่มาในวันนี้อยู่ในโตเกียว ใกล้กับสถานี JR Gotanda (JR Yamanote Line) ออกจาก West Exit เดินมาประมาณ 5-10 นาที


 

2) ร้าน Ichiran Ramen





ร้าน Ichiran Ramen เป็นราเมงสไตล์ฮากาตะ น้ำซุปกระดูกหมูเข้มข้นไม่แพ้ร้าน Ippudo Ramen เพิ่มรสชาติด้วยซอส Red Pepper สูตรเฉพาะของร้าน Ichiran Ramen

แต่ที่พิเศษสุดๆตรงที่สามารถสั่งราเมงให้ตรงกับความชอบของตัวเองได้ ตั้งแต่เรื่องความนุ่มของเส้น รสชาติความเข้มข้นของซุป ปริมาณซอส Red Pepper ไปจนกระทั่ง ปริมาณต้นหอมและกระเทียมที่ใส่ในราเมง


Credit ภาพ: ichiran.co.jp


บรรยากาศภายในร้านแปลกตากว่าร้านราเมงอื่นตรงที่ ที่นั่งจะกั้นเป็นส่วนตัว มีม่านปิดระหว่างที่นั่งกับครัว ก่อนสั่งอาหารจะมีแบบสอบถามมาให้เลือกความชอบของราเมงที่จะสั่ง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังทำข้อสอบอยู่ ในหมู่คนไทยจึงเรียกร้าน Ichiran Ramen ว่าราเมงข้อสอบนนั่นเอง


Credit ภาพ: ichiran.co.jp




ร้าน Ichiran Ramen มีสาขาอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น สาขาที่มาในวันนี้อยู่ในโอซาก้า ในย่าน Dotonbori หาไม่ยาก จากป้ายกูลิโกะ เดินตรงมาทางร้านปู เดินจนเจอสะพาน ร้านจะอยู่ตรงข้ามกับสะพาน

ลายแทงร้าน Ichiran Ramen สาขาอื่น (ภาษาอังกฤษ) http://www.ichiran.co.jp/english/html/map.html



3) ร้าน Mutekiya Ramen

 
 


ราเมงยอดนิยมของร้านนี้ต้องชามนี้เลยค่ะ Hontorotokumarumen รสชาติน้ำซุปกระดูกหมูเข้มข้นแบบถึงใจถึงอารมณ์ เส้นราเมงเหนียวนุ่มหนึบหน่อยๆ หมูชาชูติดมันนุ่มละลายในปาก ไข่ต้มยางมะตูมหอมกลิ่นโชยุอ่อนๆ แนะนำให้บดกระเทียมลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความหอมและตัดเลี่ยนค่ะ




กินไปได้สักครึ่งชามอาจจะเริ่มเลี่ยนความเข้นข้นของซุปกระดูกหมู ทางร้านเข้าใจดีค่ะเลยมีชาหอมรสเข้มไว้บริการ (ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นกาน้ำซุป) วิธีกินควรนำชารสเข้มมาผสมกับน้ำเปล่าก่อนค่ะ ไม่งั้นจะขมไป ดื่มแล้วหายเลี่ยนเป็นปลิดทิ้งพร้อมกินต่อ


Credit ภาพ: mutekiya.com

 

 
ร้าน Mutekiya Ramen อยู่ในโตเกียว ใกล้สถานี Ikebukoro ร้านหาไม่ยากค่ะ จุดสังเกตคือ ชื่อหน้าร้านจะมีกระทะอยู่ 3 ใบ จากห้าง Seibu เดินตรงมาเรื่อยๆประมาณ 5 นาที ร้านอยู่ตรงหัวมุมถนน ตรงข้ามเป็นร้านหนังสือ(อาคารกระจก) 
 
Website ร้าน Mutekiya Ramen (ภาษาไทย/อังกฤษ)  

 


4) ร้าน Jangara Ramen

 
 
Credit ภาพ: kyusyujangara.co.jp

ร้าน Jangara Ramen เป็นราเมงสไตล์คิวชู เส้นราเมงมีขนาดเล็กเรียว รสชาติน้ำซุปเข้มข้น แต่ไม่ธรรมดาตรงที่ราเมงที่นี่ใส่เครื่องแบบจัดเต็ม มีให้เลือกถึง 7 อย่าง ทั้งหมูชาชู หมูตุ๋น ไข่ต้ม หน่อไม้ ต้นหอม เห็ดซอย และไข่ปลาเมนทาโกะ ราเมงแนะนำของที่นี่ คือ Kyushu Jangara เป็นรสชาติแบบดั้งเดิมของร้าน



ใครที่ชอบรสชาติจัดจ้านหน่อย แนะนำราเมงชามนี้ค่ะ Karabon ถึงจะบอกว่า Spicy แต่ไม่เผ็ดมาก ตัดเลี่ยนความเข้มข้นของซุปกระดูกหมูได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญเครื่องมาแบบจัดเต็มมาก จะล้นชามอยู่แล้ว คุ้มสุดๆ ร้านนี้มีเมนูภาษาไทยด้วยค่ะ 


Credit ภาพ: kyusyujangara.co.jp


ร้าน Jangara Ramen มีสาขาแค่ในโตเกียว สาขาที่มาในวันนี้อยู่ในย่าน Harajuku ใกล้สถานี JR Harajuku (JR Yamanote Line) ออกจาก Omotesando Exit เดินมาประมาณ 5 นาที แต่ร้านอาจจะสังเกตยากนิดนึง เพราะอยู่ชั้นสอง หน้าร้านตามภาพเลยค่ะ อีกสาขาที่หาง่าย อยู่ชั้น 8 ห้างSeibu สถานี Ikebukoro  หน้าร้านจะมีรูปภูเขาไฟฟูจิอยู่

ลายแทงร้าน Jangara Ramen สาขาอื่น (ภาษาอังกฤษ) http://www.kyusyujangara.co.jp/shops/


#Ramen #Japaninlove #Ippudo #Ichiran #Mutekiya #Jangara
 

Thursday, 11 December 2014

Sparkling Illumination @ Nabana no Sato

ใครที่ได้มาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงปลายปี อีกหนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ คือการชมไฟประดับหลายหลากสีสันตามสถานที่ต่างๆในญี่ปุ่น ที่ Nagashima Resort เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีชื่อเสียงในการจัดแสดงไฟประดับที่มีชื่อว่า "Nabana no Sato Illumination" สามารถเดินทางมาจากสถานี Nagoya ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงที่นี่




บัตรเข้าชมงานราคา 2,000 เยน (ราคาปี 2013) สามารถซื้อได้ที่หน้างานเลยค่ะ โดยที่ค่าบัตร 2,000 เยน จะรวมค่าอาหารไว้มูลค่า 1,000 เยน (ค่าเข้า 1,000 เยน + ค่าอาหาร 1,000 เยน) สามารถนำไปซื้ออาหารในบริเวณงานได้ค่ะ (คือบังคับให้ซื้ออาหารในงานนั่นเอง) ซึ่งมีทั้งซุ้มอาหารเหมือนในงานวัดที่ญี่ปุ่น และร้านอาหาร  มากันหลายคนใช้มูลค่าอาหารในบัตรร่วมกันได้ แต่ไม่มีการทอนเงินนะคะ

จุดเด่นของงาน Nabana no Sato Illumination อยู่ที่อุโมงค์ดอกไม้(ไฟฟ้า)ยาวกว่า 200 เมตร บรรยากาศโรแมนติกมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมีดวงดาวเปล่งแสงล้อมรอบตัว จุดนี้ไม่ควรมาคนเดียวค่ะ เพราะจะเปล่าเปลี่ยวหัวใจมาก ^^




ถัดมาเป็นอุโมงค์ดอกไม้(ไฟฟ้า) เช่นเดียวกัน แต่ยาวเพียง 100 เมตร อุโมงค์แรกดีงามมาก พอมาถึงอุโมงค์นี้เลยรู้สึกธรรมดาไปเลย
 
ทางเดินตรงอุโมงค์เป็นทาง one way ค่ะ ไม่ให้เดินย้อนกลับไปออกทางเดิม ถ้าจะเข้ามาใหม่ต้องเดินอ้อมด้านนอกเลยค่ะ เพราะงั้นถ่ายรูปให้เต็มที่ก่อนออกนะคะ




อีกหนึ่งจุดไฮไลท์ การแสดงโชว์ไฟประดับแสง สี เสียง ปีนี้เป็นการแสดงถึงฤดูกาลต่างๆของภูเขาไฟฟูจิ ข้างล่างเป็นวิดีโอตัวอย่างการแสดงโชว์ เนื่องจากแบตใกล้หมดจึงบันทึกมาได้แค่ช่วงแรกค่ะ  ความยาวทั้งโชว์น่าจะประมาณ 5 นาที







นอกจากนี้ยังมีส่วนอื่นๆให้ได้ชม ส่วนมากจะเป็นไฟประดับตามสวนต่างๆ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็มี light up ด้วยค่ะ
Website งาน Nabana no Sato (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.nagashima-onsen.co.jp/nabana/illumination/index.html/


 




โดยปกติที่ Nagashima Resort แห่งนี้ เป็นสถานที่พักผ่อนที่มีทั้งสวนสนุก (Nagashima Spaland) ออนเซ็น (Nagashima Spa Yuami no Shima) ช็อปปิ้งมอลล์ (Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima) รวมถึงสวนดอกไม้ (Nabana no Sato) พอย่างเข้าหน้าหนาวประมาณช่วงพฤศจิกายนถึงมีนาคม ก็จะมีการจัดแสดงไฟประดับที่สวนดอกไม้ Nabana no Sato ให้ได้ชมเป็นประจำทุกปี รายละเอียดเพิ่มเติมของ Nagashima Resort: www.nagashima-onsen.co.jp/resort/download.html/


วิธีการเดินทาง


1) ไป Nabana no Sato โดยรถบัส โดยขึ้นรถบัสได้ที่ Meitetsu Bus Center (ตั้งอยู่ข้างๆสถานีรถไฟ JR Nagoya) ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่าโดยสารเที่ยวละ 870 เยน

2) ไป Nabana no Sato โดยรถไฟ มี 2 บริษัทที่ให้บริการ
 
2.1) จากสถานี  Kintetsu Nagoya (เป็นรถไฟของเอกชน อยู่ติดกับสถานี JR Nagoya ใช้ JR Pass ไม่ได้ค่ะ) นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Kintetsu Nagashima จากนั้นก็ต่อรถบัสไปลงที่ Nabana no Sato


 

 

2.2) จากสถานี  JR Nagoya นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Nagashima (เหมาะสำหรับผู้ที่มี JR Pass)
 
ทั้งสถานี  JR Nagoya และสถานี Kintetsu Nagoya ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่สถานี JR Nagoya อยู่ไกลจากป้ายรถบัสมากกว่า เดินประมาณ 3-5 นาที (ป้ายรสบัสอยู่หน้าสถานี Kintetsu Nagoya) และมีแค่ชานชลาสถานี ไม่มีห้องพักผู้โดยสารให้หลบหนาว ถ้าโดยสารรถไฟ JR แนะนำให้เช็คเวลารถไฟขากลับก่อน จะได้ไม่ต้องไปยืนหนาวรอที่ชานชลาสถานีค่ะ 

 

 #nabananosato #illumination #JapanInlove #Japan #Nagashima #Nagoya

Wednesday, 10 December 2014

Illuminations in Tokyo: Caretta Shiodome VS Tokyo Midtown

 
บรรยากาศไฟประดับในโตเกียวเมื่อปี 2013 ที่ Caretta Shiodome VS Tokyo Midtown ทั้งสองที่นี้มีความพิเศษตรงที่ไฟประดับมีการเคลื่อนไหวให้ได้ตื่นตาตื่นใจกันค่ะ
 
โชว์ที่ Caretta Shiodome ในปี 2013 มาในธีม "White X Mas in the Sea" โชว์น่ารักมากๆ มีการนำการ์ตูนแอนนิเมชั่น 3 มิติมาร่วมในการแสดง แล้วยังให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในการแสดงด้วย
 
 




ส่วนโชว์ที่ Tokyo Midtown จัดที่สวน “Starlight Garden” ด้านหลังของห้าง Tokyo Midtown โชว์ในปี 2013 จัดแสดงเทคนิค แสงสี ในสวนกว้างๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยูในทุ่งดอกไม้ไฟ(ฟ้า) สวยงามมากๆ





วิธีการเดินทาง


Caretta Shiodome เดินทางได้ 2 วิธี

1) นั่งรถไฟ JR Yamanoto Line ลงที่สถานี Shimbashi Station แล้วเดินไปทางที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดิน Caretta Shiodome จะใกล้กับทางออก 5 หรือ 6 ของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Shiodome Station

2) นั่งรถไฟใต้ดิน Oedo Line ลงที่สถานี Shiodome Station แล้วเดินไปที่ทางออก 5 หรือ 6





Tokyo Midtown เดินทางได้ 2 วิธี

1) นั่งรถไฟใต้ดิน Oedo Line ลงที่สถานี Roppongi Station แล้วเดินไปที่ทางออก 8

2) นั่งรถไฟใต้ดิน Chiyoda Line ลงที่สถานี Nogizaka Station ทางออก 3 แล้วเดินไป Tokyo Midtownประมาณ 3 นาที




#illumination #Tokyo #Japan #JapanInlove #เที่ยวญี่ปุ่น